เมื่อถึงเวลาเทศกาลถือศีลกินผัก หรือที่เราเรียกกันว่า “เทศกาลกินเจ” เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 17 ตุลาคม ถึงวันที่ 25 ตุลาคม 2563 เนื่องจากเป็นเทศกาลที่ใครหลายๆ คนให้ความสนใจ เพราะเป็นโอกาสดีที่จะได้ละเว้นการกินเนื้อสัตว์ ได้สร้างบุญสร้างกุศล ตามความเชื่อทางศาสนา
ประวัติความเป็นมาของการกินเจ
นักบวชและศาสนิกชนในศาสนาพุทธนิกายมหายานจะบริโภคอาหารเจ โดยปราศจากเนื้อสัตว์และมีลักษณะที่แตกต่างจากอาหารมังสวิรัติ
คำว่า เจ เป็นภาษาจีนมาจากคำว่า “ไจ” ซึ่งเป็นภาพตัวอักษรจีน เขียนด้วยสีแดง ซึ่งเป็นสีแห่งความเป็นสิริมงคล ในกรอบสีเหลี่ยมจัตุรัส พื้นมีสีเหลือง ซึ่งเป็นสีแห่งความเป็นกษัตริย์ คำว่า “เจ” และ “ไจ” ดังกล่าวแปลว่า “ปราศจากการทำลายชีวิตและปราศจากของที่มีกลิ่นคาว” ความหมายมาจาก คำสั่งสอนที่ได้มาจากพุทธศาสนาฝ่ายนิกายมหายาน
คำดั้งเดิมของ “เจ” หมายถึง “อุโบสถ หรือ การรักษาศีล 8” คือคนกินเจมักจะถือศีล ร่วมกับการไม่กินอาหารพวกเนื้อสัตว์ อาหารเจเป็นอาหารที่ปรุงโดยปราศจากเนื้อสัตว์ รวมทั้งไม่มีส่วนประกอบอื่นใดที่นำมาจากเนื้อสัตว์ทุกประเภท ซึ่งแต่เดิม การกินเจคือการรักษาศีล โดยการงดกินอาหารหลังเที่ยงวัน (เช่นเดียวกับพระสงฆ์) และอาหารที่กินจะต้องไม่มีเนื้อสัตว์ หรือมีต้นกำเนิดมาจากสัตว์ และงดการกินอาหารต้องห้าม ซึ่งอาหารเหล่านี้จะเรียกว่า อาหารเจ แต่ในปัจจุบันการกินเจ หลายคนก็หันมากินอาหารครบทั้ง 3 มื้อ แต่ก็ยังคงรักษาศีล และยึดถือการกินอาหารเจ ตลอดระยะเวลา 9 วันของช่วงเทศกาล ที่สำคัญ ตามความเชื่อของคนจีนที่กินเจว่า การกินเจยังจะต้องไม่กินอาหารที่นำมาปรุงอาหารเจ คือ ต้องงดเว้นผักที่มีกลิ่นฉุน 5 ประเภท ได้แก่
- ประเภทที่ 1 : กระเทียม รวมถึงหัวกระเทียมและต้นกระเทียม เป็นมูลเหตุให้อวัยวะหลักสำคัญภายใน ทำงานไม่ปกติ นั่นคือ จะทำลายธาตุไฟ คือ ทำให้หัวใจทำงานผิดปกติ
- ประเภทที่ 2 : หอม รวมถึง ต้นหอม ใบหอม หอมแดง หอมขาว และหอมหัวใหญ่ เป็นมูลเหตุให้อวัยวะหลักสำคัญภายใน ทำงานไม่ปกติ นั่นคือ จะทำลายธาตุน้ำ คือทำลายไต
- ประเภทที่ 3 : หลักเกียว มีลักษณะคล้ายหัวกระเทียมโทน ปลูกและแพร่หลาย ในประเทศจีน แต่แพร่หลายมากในประเทศไทย เป็นมูลเหตุให้อวัยวะหลักสำคัญภายใน ทำงานไม่ปกติ นั่นคือ ทำลายธาตุดิน คือม้าม
- ประเภทที่ 4: ผักกุยช่าย เป็นผักมีใบคล้ายใบหอม แต่ลักษณะแบนและเล็กกว่า เป็นมูลเหตุให้อวัยวะหลักสำคัญภายใน ทำงานไม่ปกติ นั่นคือ ทำลายธาตุไม้ คือ ตับ
- ประเภทที่ 5 : ใบยาสูบ รวมถึงบุหรี่ ยาเส้นที่ใช้สูบ และของเสพติดมึนเมา เป็นมูลเหตุให้อวัยวะหลักสำคัญภายใน ทำงานไม่ปกติ นั่นคือ ทำลายธาตุทองคือปอด ใบยาสูบน่าจะเป็นของสูบระหว่างอาหารมากกว่าเป็นอาหาร
ซึ่ง 5 ประเภทของผักต้องห้ามดังกล่าวนี้ จะเป็นผักที่มีรสฉุนจัด กลิ่นเหม็นคาวรุนแรง ตามความเชื่อของ คนจีนมีว่า หากกินพืชผักทั้ง 5 มากๆ จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของร่างกาย จะได้พิษที่ทำลายพลังธาตุทั้ง 5 ในร่างกาย