รู้หรือไม่ว่าการสูญเสียการได้ยินในผู้สูงอายุเป็นอีกหนึ่งปัญหาของวัยผู้สูงอายุในยุคปัจจุบันที่อาจนำไปสู่ภาวะความจำเสื่อมได้เลย
เนื่องจากหูชั้นในเกิดการเสื่อมของการได้ยินเพิ่มขึ้นตามอายุแม้ว่าอาการหูตึงในผู้สูงอายุจะไม่เป็นโรคร้ายแรงอันตราย แต่ด้วยเป็นภาวะที่ค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ผู้สูงอายุเกิดผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในการสื่อสารกับผู้อื่นน้อยลงโดยไม่รู้ตัว เกิดปัญหาระหว่างผู้ดูแลหรือคนในครอบครัวกับผู้สูงอายุได้หากมีอาการรุนแรงนอกจากผลกระทบ ทางด้านร่างกายแล้วการไม่สามารถสื่อสารกับคนรอบข้างได้อย่างเป็นปกติยังมีผลกระทบทางด้าน จิตใจได้อีกด้วย
ฉะนั้น เมื่อพบว่าผู้สูงอายุมีอาการได้ยินไม่ชัด ได้ยินไม่ครบทั้งประโยค ขอให้พูดซ้ำหลายๆ ครั้ง ดูโทรทัศน์เสียงดังกว่าปกติ พูดเสียงดังกว่าปกติ อย่าชะล่าใจ ควรมาพบแพทย์เพื่อตรวจการได้ยิน
และอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้ประสิทธิภาพการได้ยินของผู้สูงอายุดีขึ้นคือการใช้เครื่องช่วยฟังผู้สูงอายุนั่นเอง
แต่ก่อนอื่นเราจะมาบอกเล่าที่มาและสาเหตุหูอื้อ หรือ หูตึงในผู้สูงอายุ
เกิดจากการเสื่อมและตายของเซลล์ขนรับเสียง(Haircells)ในหูชั้นในรวมถึงประสาทบริเวณหูชั้น ในค่อยๆสึกกร่อนหรือฉีกขาดไปส่งผลให้เมื่ออายุมากขึ้นจะไม่ได้ยินช่วงเสียงแหลมความถี่สูงจาก นั้นความเสื่อมจะค่อยๆลามไปถึงช่วงความถี่กลางซึ่งเป็นระดับของเสียงพูด จึงทำให้ผู้สูงอายุเริ่มฟังไม่ชัดเจน โดยเริ่มแสดงอาการเมื่ออายุประมาณ 60 ปีขึ้นไป นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่ส่งผลต่อความรุนแรงของความบกพร่องของการได้ยิน เช่น การรับประทานยาบางชนิด อาจเป็นปัจจัยให้ประสาทหูเสื่อมเร็วขึ้นได้ การเป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคหลอดเลือด โรคที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกัน รวมไปถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การสูบบุหรี่ เป็นต้น
เมื่อไหร่ผู้สูงอายุควรตรวจการได้ยินและใช้งานเครื่องช่วยฟังผู้สูงอายุ
อาการหูตึงจะเริ่มขึ้นทีละน้อยตามอายุที่มากขึ้น จึงสังเกตอาการได้ยาก ถ้าผู้สูงอายุมีอาการดังต่อไปนี้แสดงว่าหูเริ่มตึงแล้วให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจระดับการได้ยินและเริ่มใช้งานเครื่องช่วยฟังผู้สูงอายุได้แล้ว คือ
1.ผู้สูงอายุมักได้ยินคำเตือนว่าพูดเสียงดังเกินไป
2.ผู้ดูแล หรือญาติ พูดแล้ว ผู้สูงอายุทำหน้าไม่เข้าใจ และแสดงอาการว่าไม่ได้ยินอยู่บ่อยครั้ง
3.ผู้สูงอายุมีอาการได้ยินไม่ชัด ได้ยินไม่ครบทั้งประโยค
4.ผู้สูงอายุ เปิดเสียงวิทยุหรือโทรทัศน์ดังจนข้างบ้านบ่น หรือไม่ค่อยได้ยินเสียงโทรศัพท์ ในขณะที่ผู้อื่นได้ยิน
5.ผู้สูงอายุเข้าใจสิ่งที่พูดได้ยาก ถ้าในขณะพูดมีเสียงเพลงหรือวิทยุดัง
เมื่อสังเกตอาหารแล้วพบตามข้อดังกล่าวมาควรเริ่มปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพิมเริ่มการใช้งาน เครื่องช่วยฟังผู้สูงอายุ ได้ทันที
โดยควรเลือกซื้อและใช้งานเครื่องช่วยฟังผู้สูงอายุที่มีการออกแบบและรองรับความปลอดภัย โดยผู้เชี่ยวชาญ
โดยส่วนมากผู้เชี่ยวชาญจะเลือกเครื่องช่วยฟังผู้สูงอายุจากการสูญเสียการได้ยินของ ผู้สูงอายุคนนั้นๆไป เช่น เครื่องช่วยฟังสำหรับผู้สูงอายุที่หูตึง ซึ้งระดับสูญเสียการได้ยินจะแบบออกเป็น หูตึงน้อย หูตึงปานกลาง หูตึงมาก และ หูตึงรุนแรง และตัวเครื่องช่วยฟังจะมีอยู่ด้วยได้ 3 ประเภท คือ แบบคล้องหลังหู แบบใส่ในช่องหู และแบบพกพา โดยผู้ที่สูญเสียการได้ยิน น้อย – ปานกลาง จะสามารถใช้ได้ แบบใส่ในช่องหูได้ เพื่อปกปิดไม่ให้เห็นว่าใส่เครื่องช่วยฟัง ส่วนผู้ที่สูญเสียการได้ยิน มาก – รุนแรง จะใช้รุนที่ดังขึ้น เป็นต้น